กลับไปหน้าที่แล้ว

ประโยชน์ของปะการัง

การทำลายปะการัง

ช่วยกันอนุรักษ์แนวปะการัง

 

การทำลายแนวปะการัง

แนวปะการังถูกทำลาย จากหลายสาเหตุทั้งการทำลายโดยธรรมชาติและการทำลายโดยมนุษย์ การทำลายโดยธรรมชาติเป็นสิ่งที่เราแก้ไม่ได้แต่ว่าไม่ต้องวิตกเพราะว่าแนวปะการังอยู่คู่กับโลกมาหลายล้านปี มันเป็นวัฐจักรของการดำรงอยู่ ถ้าหากการทำลายแนวประการังที่เกิดจากธรรมชาติมีผลร้ายต่อโลกจริงปะการังก็ไม่คงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้เพราะว่าการทำลายอันเกิดจากธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ต่างจากการทำลายโดยมนุษย์ที่เกิดขึ้นทุกวัน

การทำลายแนวปะการังโดยธรรมชาติ

1. ความผิดปกติของสภาพอากาศ ในช่วงชีวิตน้อยๆ ของผมได้พบได้เห็นเพียงครั้งเดียวคือ ปรากฏการเอลนิโย ที่โลกร้อนขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ปีนั้นเดือดร้อนไปตามๆ กัน หลายประเทศมีผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำเพราะความแห้งแล้ง มะพร้าวที่เคยออกลูกก็ไม่ออกลูกจนทำให้ราคามะพร้าวจากลูกละ 1.5 - 2 บาท ขยับตัวสูงขึ้นเป็นลูกละ 10-15 บาท เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เกิดขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่งแต่มันเกิดขึ้นกับทุกประเทศทั้งไทย เวียดนาม ฟิลิบปินส์ และอีกหลายประเทศ นั่นเป็นผลกระทบบนบก  แต่ผลกระทบในทะเลคือเกิดปรากฏการปะการังฟอกขาว ตายเรียบ ปะการังมีความไวต่อความเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำอย่างกระทันหันเพียง 2 องศาก็ทำให้ปะการังเสียหายแล้ว  ดังนั้นปรากฏการณ์เอลนิงโยจึงสร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังอย่างมาก แต่มันคงไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ทิ้งไว้สักระยะแนวปะการังก็จะฟื้นตัวของมันเอง แต่มันต้องใช้เวลา

2. พายุถลุ่ม ยกตัวอย่างจากเหตุการณ์พายุเกร์ถล่ม ครั้งนั้นกระแสลมแรงทำให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์ แนวปะการังช่วยลดความแรงของกระแสคลื่นใต้น้ำที่จะพัดถล่มชายฝั่ง  แต่ด้วยเหตุที่คลื่นใต้น้ำมีความแรงเกินไปจึงทำให้แนวปะการังชายฝั่งเสียหายราบเรียบเป็นหน้ากอง แต่ปะการังน้ำลึกไม่ได้รับผลกระทบ จากครั้งก็ผ่านมานานพอสมควร ปะการังเริ่มฟื้นตัว ต่อไปอาจจะเสียหายอีกแล้วก็ฟื้นตัว มันเป็นวัฐจักรของธรรมชาติ

การทำลายโดยมนุษย์  เป็นการทำลายที่เกิดขึ้นทุกวัน วันละเล็กวันละน้อย  การทำลายแนวปะการังโดยมนุษย์มีหลายประการคือ

1. การระเบิดปลา ปลาอาศัยอยู่ตามแนวปะการัง การระเบิดปลาจึงระเบิดบริเวณที่มีปลาอาศัยอยู่มาก ระเบิดไปตูมหนึ่งก็ทำลายปะการังให้พังราบเรียบไปเป็นบริเวณหนึ่ง หากจากระเบิดปลาไม่หยุดก็ทำให้ปะการังถูกทำลายเพิ่มมากขึ้น


หลุมจากการระเบิดปลาของชาวประมงมักง่าย

2. การทิ้งสมอเรือของทัวร์ดำน้ำ  ปัญหานี้เป็นปัญหาที่งี่เง่าที่สุดเพราะว่าทัวร์ดำน้ำอาศัยความสวยงามของแนวปะการังเป็นจุดขาย แต่เรือดำน้ำกลับเป็นผู้ทำลายจุดขายเสียเอง การดำน้ำจะต้องไปดำในบริเวณที่มีแนวปะการังที่สมบูรณ์และสวยงาม ดังนั้นการทิ้งสมอเรือแต่ละครั้งย่อมหมายถึงการทำลายแนวปะการัง ทุกครั้งที่เราหย่อนสมอเรือลงไปเราไม่รู้เลยว่าข้างล่างนั้นจะมีแนวปะการังที่สวยงามเพียงไร ปัญหานี้แก้ได้ง่ายคือ การทำทุ่นลอยน้ำไว้ในบริเวณที่เป็นแหล่งดำน้ำ การยึดเรือให้ผูกกับทุ่นที่ทางกรมประมงได้เตรียมไว้ให้  แต่ถ้าหากว่าบริเวณใดไม่มีทุ่นสำหรับผูกเรือก็แก้ปัญหาได้โดยการปล่อยให้นักดำน้ำลงน้ำแล้วปล่อยให้เรือรอยโดยไม่ทิ้งสมอ เมื่อนักดำน้ำโผล่ขึ้นมาค่อยเข้าไปรับ  นักท่องเที่ยวแบบเราๆ ท่านๆ จะช่วยอนุรักษ์ได้โดยการสอดส่องดูแลหากเรือดำน้ำที่เราไปใช้บริการทิ้งสมอเรือในแนวปะการังให้เราถามเขาว่า อ้าวพี่แล้วงี้สมอไม่ลงไปทำลายปะการังเหรอคะ ถามไปงั้นๆ แหล่ะให้รู้ว่านักท่องเที่ยวรู้สึกอย่างไร แต่ไปเขาจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไร

3. ปัญหาอันเกิดจากนักดำน้ำ ทั้งนักดำน้ำแบบผิวน้ำและนักดำน้ำแบบ Scuba ล้วนเป็นตัวทำลายแนวปะการังอีกตัวการหนึ่ง  การทำลายเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์เช่นการลอยตัวไม่ดี บางครั้งจมจงไปทับหรือไปเหยียบกอปะการังสวยๆ จนหักเสียหายและตายไป บางคนเข้าใกล้ปะการังจนเกินไปพอโดยคลื่นใต้น้ำพัดก็ลอยไปกระแทกปะการังเสียหาย นักดำน้ำควรฝึกทักษะการลอยตัวให้ดีก่อนที่จะดำเข้าใกล้แนวปะการัง ถ้าไม่แน่ใจในฝีมือตัวเองก็ให้ดำอยู่ห่างๆ เพื่อความปลอดภัยกับแนวปะการัง และปลอดภัยกับตัวท่านเองเพื่อจะได้ไม่ไปสัมผัสกับปะการังมีพิษจำพวกปะการังไฟหรือพวกไฮดรอยส์  ส่วนนักดำน้ำแบบผิวน้ำมักจะสร้างความเสียหายด้วยการยืนบนแนวปะการัง 


ที่พื้นคือแนวปะการังที่กำลังฟื้นตัว

4. ปัญหาอันเกิดจากการทำการประมง  แนวปะการังเป็นแหล่งอาศัยของปลาและสัตว์น้ำทะเลจำนวนมาก ที่ใดมีแนวปะการังสมบูรณ์ที่นั่นย่อมมีปลามาก ดังนั้นเรือประมงจึงมักจะเข้าไปลากอวนในบริเวณแนวปะการังทำให้แนวปะการังเสียหาย ปะการังหักล้ม อวนก็ขาด เสียทั้งปะการังเสียทั้งเครื่องมือทำมาหากิน 


ปะการังล้มกลิ้งกับพื้นเพราะโดนอวนลาก อวนก็ขาดติดปะการังภาพซ้าย ถ่าย ณ บริเวณเดียวกัน

 

 

 

 

 

d